วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556


๑๑.ศิลปตะวันตกยุคหลังลัทธิอิมเพรสชันนิสม์
ถึงสงครามโลกครั้งที่๑

Fauvism

Expressionism

Cubism

Abstractionism

Futurism

ศิลปะลัทธิโฟวิสม์

Fauvism

Les Fauves =  สัตว์ป่า

หมายถึง ลัทธิสัตว์ป่า

·       เมื่อเปรียบกับรูปแบบศิลปะสมัยเรอแนสซองส์ซึ่งงามตามหลักสุนทรียภาพเดิม

ขณะที่ผลงานของกลุ่มศิลปินศิลปะลัทธิโฟวิสม์กลับให้สีสันโฉ่งฉ่าง 

·       แสดงถึงความเป็นปฏิปักษ์กันอย่างเห็นได้ชัด

·       ศิลปินลัทธิโฟวิสม์

มาทีสส์ (Matisse, Henri 1869-1954)
บุตรพ่อค้าฐานะดี ต้องการให้ลูกเป็นทนายความ


·       เป็นทนายไม่นาน

·       อายุ 22 ปี เรียนศิลปะฆ่าเวลา/ เบื่อหน่ายตอนป่วย

·       จากนั้นก็เข้าสู่วงการอย่างจริงจัง 

·       ผลงานช่วงแรกของมาทิสส์เป็นแบบอิมเพรสชันนิสม์

·       งานสำคัญคือ ภาพ ภาพเปลือยกับลวดลายเบื้องหลัง     ห้องสีแดง

·       มาทีสส์สร้างงานที่ไม่เน้นรายละเอียดแบบโฟวิสม์ผ่านงานประติมากรรมด้วยและเป็นที่ยอมรับทั่วไป

·       ส่งผลต่อวงการประติมากรรมสมัยใหม่เป็นอย่างมาก 

 

มาดามมาทิสส์ โดย มาทิสส์, ๑๙๐๕

Henri Matiss.

Odalisque (ผู้ช่วยชายาของสุลต่านในตุรกี)with a Tambourine.

 Nice, place Charles-Félix, winter 1925-26


 

 

 

ประติมากรรมชุด,

ข้างหลังผู้หญิง., มาทิสส์, ๑๙๐๙-๒๙

 

 

 

 

 

ศิลปะลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์

Expressionism Art

·   ภาษาละติน  Expressare”

·       Ex มีความหมายว่า  ออกมา

·        pressare มีความหมายเท่ากับกด ดัน คั้น บีบ

·       หมายถึง การแสดงออกทางศิลปะ ที่ตัดทอนรูปทรงและสีสันอย่างเสรีที่สุด ตามแรงปรารถนา

·       แรงปรารถนา = ความรู้สึกและอารมณ์ของศิลปิน

 

การแพร่หลายของลัทธิเอกเพรสชันนิสม์

ครอบคลุมวรรณกรรม ดนตรี ศิลปะการแสดงปลายC.19 และต้นC.20   (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เว เบลเยียม เยอรมนี)

 

ศิลปินสำคัญ ได้แก่  มาทีสส์ (Henri Matisse), เบคมานน์( Max Beckmann),รูโอลท์ ( Georges Rouault),Gen Paul, มาร์ค(Franz Marc),  แคนดินสกี(Wassily Kandinsky) โนลเด(Emil Nolde)

ความเคลื่อนไหวของศิลปะเอกเพรสชันนิสม์ที่สำคัญมี 2 กลุ่ม คือ

.ศิลปินกลุ่มสะพาน (The Bridge)


.กลุ่มม้าสีน้ำเงิน(The Blue  Rider)

กลุ่มสะพาน

·       การรวมตัวกันของศิลปินวัยหนุ่มอายุ 20 – 30 ปี  

·       สะท้อนความสับสน ความอัปลักษณ์ของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา  ความสกปรกของสังคม ความเหลวแหลกโสมม หลอกลวง  

·       ใช้สีที่รุนแรง

·        สลายตัวค.ศ.๑๙๑๓  จากปัญหาวิกฤตสังคมและสงครามโลกครั้งที่๑

 

แนวทางการสร้างสรรค์งาน

·       กลุ่มสะพานสะท้อนเรื่องราวทางศาสนาด้วยความรู้สึกโหดร้ายน่าขยะแขยงน่าเกลียด แสดงความรัก กามารมณ์และความตาย

·       เตือนให้สังคมตระหนักในความไม่แน่นอน

ประการสำคัญภาพส่วนใหญ่เน้นแสดงออกทางจิตวิทยา  มากกว่าความจริง

กลุ่มม้าสีน้ำเงิน   เริ่มเคลื่อนไหว ค.ศ.๑๙๑๑ ที่มิวนิค

แกนนำ  คือ วาสิลี แคนดินสกี(๑๘๖๖-๑๙๔๔) กับฟรอนซ์ มาร์ค(๑๘๘๐-๑๙๔๔)  ศิลปินต่างชาติที่เข้าร่วม

ชาวรัสเซียน สวิส อเมริกัน ฯลฯ

ชื่อลัทธิมาจากความนิยมในการเขียนรูปม้าและคนขี่ม้าของแกนนำทั้งสองโดยใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก

 

การเขียนงานของกลุ่มสะพานและกลุ่มม้าสีน้ำเงิน แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย  

-กลุ่มม้าสีน้ำเงิน ผ่อนคลายการกระแทกความรู้สึกของผู้ชมจากความรู้สึกน่าขยะแขยง     ผันเป็นการแสดงออกทางอารมณ์

แบบรุนแรงที่แฝงความสนุกสนาน     โดยใช้สี เส้นและการแสดงลีลาคล้ายเสียงดนตรี

--ได้รับอิทธิพลของโกแกงมากกว่าแวนโก๊ะ

สลายตัว ๑๙๑๔ เพราะ WW.I

 

Emil Nolde  

Emil Nolde (1909) - Pfingsten (วันที่7หลังเทศกาลอีสเตอร์

 

 

 

 

 Adam Eva

ศิลปินลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์


เอ็ดวาร์ด มูงค์ (Edvard Munch , ..1863 – 1944)

·       ผู้นำและผู้ให้อิทธิพลแก่ศิลปินกลุ่มเอ็กเพรสชันนิสม์ เกิดวันที่ 12 ธันวาคม 1863 ทางภาคใต้ของนอรเวย์

·       เป็นเด็กขี้โรค เจ็บออด ๆ แอด ๆ ตลอด

·       เรื่องราวของความเจ็บป่วย และความตายปรากฏอย่างมากอยู่ในผลงานของเขา

 

ผลงานที่มีชื่อเสียงของมูงค์คือ ภาพ เสียงร้องไห้หรือ The Cry ซึ่งเขียนในปี ค..1893

·       เขาสามารถผสานอารมณ์ของเส้น และสีที่ปรากฏในผืนภาพให้กระตุ้นและชักนำอารมณ์ของคนชราได้เช่นเดียวกับเขา

·       ภาพ เด็กป่วยหรือ The Sick Child  นำอารมณ์อันเกิดจากความโศกเศร้าที่สูญเสียน้องสาว ซึ่งล้มป่วย และเสียชีวิตด้วยวัณโรค

เสียงร้องไห้, มูงส์, ๑๘๙๓


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 




 

 

 

 

 

 

 

Ivo Saliger: Diana rest, 1940


 

"Hitler,  Creator of the
Third Reich and
Renewer of German
Art" by  Heinrich Knirr
 !937                                                               Julius Paul Junghanns:

                                                              Rest under the willow trees, 1938

 

 

 

 

 

Cubism Art

ลัทธิคิวบิสม์เชื่อว่านอกจากจะต้องไม่แสดงเชิงการถ่ายทอดตามความจริงที่ตาเห็นแล้วยังต้องกลั่นกรอง วิเคราะห์และสังเคราะห์รูปทรงเหลือเพียงแก่นแท้ที่มั่นคงแข็งแรง

·       ลัทธิคิวบิสม์ได้แนวคิด และอิทธิพลการถ่ายทอดสิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างเป็นรูปทรงที่เรียบง่ายจากผลงานของเซซานน์ โดยแทนค่ารูปทรงด้วยแสงสีอันระยิบระยับ ให้บรรยากาศตามช่วงเวลาเท่านั้น

·       รูปทรงในผลงานของเซซานน์ กลายเป็นรากแก้วของลัทธิคิวบิสม์ในระยะต่อมา

·       นักประวัติศาสตร์ศิลป์และนักวิจารณ์ศิลปะบางคนเรียกผลงานคิวบิสม์ระยะแรกว่า ศิลปะแบบเซซานน์หรือ “Cezannesque”

·       แนวทางการสร้างสรรค์ศิลปะลัทธิคิวบิสม์

·       1.ตัดทอน ย่อส่วน เพิ่มเติม และตกแต่งรูปทรงของวัตถุ      ถือหลักการเพิ่มของส่วนประกอบ เพื่อให้ผลงานสมบูรณ์

·       2.คำนึงถึงรูปทรงเปิดและปิด โดยพิจารณาความสัมพันธ์ของพื้นที่ว่างในส่วนรูปทรงและพื้นผิว

·       3.คำนึงถึงความตื้นลึกด้วยรูปทรง ขนาด การทับซ้อนกัน การบังคับและการทำให้โปร่งใสคล้ายภาพเอ็กซเรย์

·       4.เปิดโอกาสให้ผู้ดูมีเสรีภาพในการใช้ปัญญาพินิจพิจารณาด้วยตนเอง   ถือว่าศิลปะเป็นสิ่งที่ผู้ดูสามารถชื่นชมด้วยตนเอง

·       5.คำนึงถึงความกลมกลืนของทัศนธาตุ(เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว)  เมื่อประกอบกันเป็นเรื่องราวที่รู้จักเป็นอย่างดี รูปทรงที่เด่นได้แก่รูปทรงที่เกิดจาก เส้นเว้า เส้นตรงผสานกันอย่างเหมาะสม

·        6.คำนึงถึงส่วนย่อยและส่วนรวมพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความกลมกลืนพอ ๆ กับคำนึงถึงลักษณะผิวหน้าของวัสดุแต่ละชนิด

·       7.นำเอาวัสดุจริงมาปะติดกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกสัมผัส จนเกิดเป็นวิธีการสร้างงานศิลปะที่เรียกว่า Collage(ศิลปะตัดแปะ)  หรือ The art assemblage

·       ศิลปินลัทธิบิสม์

·       ปาโบล ปิคัสโซ (Pablo Picasso , ..1881 – 1973) เกิดที่สเปน ในค..1881 บิดาเป็นจิตรกร

·       ศึกษาศิลปะครั้งแรกที่เมืองบาร์เซโลนาและเดินทางไปอยู่กรุงปารีส ค..1900

·       อยู่ที่ฝรั่งเศสจนตายในปี ค..1973

·       ปิคัสโซเป็นศิลปินหัวก้าวหน้า พัฒนาผลงานอย่างไม่หยุดยั้ง  เริ่มจากการทำงานตามแบบแผนที่มีโครงสร้าง โดยใช้สีวรรณะเย็นดูเศร้าหมองแบบยุคม้าสีน้ำเงิน  สะท้อนชีวิตที่ยากลำบากของเขา

·       ในปี ค..1905 ปิคัสโซพัฒนาผลงานสู่การใช้สีที่สดใสร้อนแรง

·       ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งของปิคัสโซคือ ภาพ เกอนีแคQuernica” (..1937) เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐของ สเปน

 



 

 

 

 

 

 

 

ปิคัสโซ                                             PICASSO, "Guernica"สมบัติส่วนตัวของปิคัสโซ, 1937

 

Five Ladies

 

 


"La Vie" by Pablo Picasso
274 x 417



 

ผู้หญิงส่องกระจก

 

 

 

 

 

จอร์จ บราค

·       เกิดที่เมืองเลออาฟร์ ใกล้กรุงปารีส เรียนศิลปะเมื่อายุ 17 ปี โดยมุ่งจะเป็นมัณฑนากร

·       เมื่อพบกับดูฟี(Doufi)และฟิทซ์(Fitz)ศิลปินลัทธิโฟวิสม์     จึงหันเหสู่การสร้างสรรค์จิตรกรรมและรวมกลุ่มกับศิลปินลัทธิโฟวิสม์

·       ในวงการศิลปะร่วมสมัย บราคเป็นศิลปินสำคัญของลัทธิคิวบิสม์เท่าเทียมกับปิคัสโซ

·       สิ้นชีวิตเมื่อปี ค..1963 รวมอายุได้ 81 ปี

·       ผลงานชิ้นสำคัญของยอร์จ บราค มี อาที บ้านที่เลสตัคอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเบอร์น โต๊ะนักดนตรี  แท่นสีดำอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่กรุงปารีส รูปปั้น หัวม้าอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ กรุงปารีส ฯลฯ

·        โรเบิร์ต เดอ โลเนย์


 

 

หอไอเฟล

 


 

ศิลปะลัทธินามธรรม  Abstractionism Art

·       ให้ความสำคัญเรื่องรูปแบบศิลปะหรือปรากฏการณ์ อันเกิดจากการผสานรวมตัวกันของทัศนธาตุ ( เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว )

·       ไม่คำนึงถึงเนื้อหาศิลปะ

ศิลปะนามธรรม


จำแนกเป็น 2 กลุ่มใหญ่  คือ


1.ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก

2.ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิค

1.ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก สร้างงานที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรี โดยส่งผ่านลักษณะรูปแบบศิลปะที่อิสระ

·       ศิลปินอาจมีพื้นฐานทางอารมณ์มาจากความรัก ความเศร้า ความห้าวหาญ ฯลฯ แล้วแสดงออกอย่างทันที

2.ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิก

·       สร้างงานที่ผ่านการคิดไตร่ตรองการวางแผนอย่างมีระบบมีกฎเกณฑ์

·       โดยใช้รูปทรงเรขาคณิตควบคุม  ศิลปินกลุ่มนี้มีมงเดรียน(Mondrian) เป็นผู้นำ

·       ให้อิทธิพลต่อ Abstract แบบขอบคม       (Op Art) ในอเมริกา


The composition, Kandinsky, 1939                                              ผลงานของสีน้ำมัน, ของโอลกา  โรซาโนวา, ๑๙๑๗

 

แจคสัน พอลลอค (Jackson Pollock)

·       จิตรกรลัทธินามธรรมเอ็กเพรสชันนิสม์ ที่มีชื่อเสียงและโดดเด่น

·       ได้รับฉายาว่า  เป็นจิตรกรแบบ Action Painting

·       สร้างงานจิตรกรรมโดยการสาด สลัด ราดหรือแม้แต่การเหวี่ยงลงบนพื้นเฟรมด้วยลีล่าท่าทางที่ว่องไว เพื่อบันทึกความรู้สึกของศิลปินเอาไว้ในผืนเฟรม ด้วยสีสัน

 

 



ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์ (Futurism Art)

ศิลปินอิตาลีกลุ่มหนึ่ง มีความเห็นขัดแย้งกับแนวทางศิลปะเชิงขนบนิยมในประเทศของตนอย่างรุนแรง   เริ่มต้นเคลื่อนไหวในปี ค..1909

คำประกาศที่รุนแรงทางศิลปะ

Burn  the Museum

Drain the Canal of Vanice

Let’s Kill the Moonlight

ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์ ได้ชื่อจากความเชื่อทางศิลปะของศิลปินและแนวทางการสร้างงาน คือ

·       มุ่งแสดงความรู้  เคลื่อนไหว จากบริบทของสังคมยุคเครื่องจักรกล ที่แพร่ในยุโรป

·       ต้องการแสดงออกถึงลักษณะของสังคมยุคใหม่

·       เห็นความงามของเครื่องจักรกลที่รวดเร็วและมีพลัง

 

ศิลปะฟิวเจอริสม์จึงเป็นการสร้างผลงานแสดงชีวิตความเป็นอยู่ในปัจุบันที่ไม่หยุดนิ่ง อันเป็นผลจากการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ ศิลปินมักจะใช้เนื้อหาของงานที่เกี่ยวความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน บุคคล สัตว์ หรือวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว เช่น วงล้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และแสงสี

 

ศิลปินลัทธิฟิวเจอริสม์

ศิลปินเกือบทั้งหมดเป็นชาวอิตาลี อาทิ บอคโซนี (Boczoni)/   บาลลา (Balla)/คาร์รา(Carra)/ เซเวอรินี (Severini)/รุสโซโล (Russolo)

ศิลปินฟิวเจอริสม์สำคัญ คือ    บอคโซนีและบาลลา

บอคโซนี (Boccioni)

เป็นจิตรกรและประติมากร เกิดที่เมืองเรคจิโอ แคว้นคาลาเบรีย อิตาลี

ศึกษาศิลปะที่กรุงโรม    อายุ 17 ปี เดินทางแสวงหาความรู้และประสบการณ์หลายประเทศ ทำให้รู้จักกวีและนักวิจารณ์ศิลปะหลายคน

นักวิจารณ์ศิลปะชื่อมาริเนตตี(Marineti)

เป็นกระบอกเสียงให้กับลัทธิฟิวเจอริสม์ และได้สัมผัสกับผลงานคิวบิสม์ของปิคัสโซและบราคด้วย

 


ประสบการณ์ต่าง ๆ เป็นปัจจัยทางปัญญาและความคิด ทำให้บอคโซนีใช้ในการพัฒนาการงานรูปแบบฟิวเจอริสม์

ภาพ เมืองเติบโตเป็นภาพม้าที่วิ่งเต็มเมือง ผู้คนที่วุ่นวายสับสนท่ามกลางความเร็วและความแออัดยัดเยียด เป็นภาพที่มีความเคลื่อนไหวสั่นพร่าอยู่เบื้องหน้าอาคารสมัยใหม่

 Umberto Boccioni, The City Rises (1910)

จิอาโคโม บอลลา (Chiacomo Balla)

จิตรกรชาวอิตาเลียนคนสำคัญ

เกิดเมื่อปี ค.1871 และเสียชีวิตในกรุงโรม ค..1958

·       มีคุณูปการต่อศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์มาก

·       มีบทบาทสร้างสรรค์งานแบบฟิวเจอริสม์มากและยาวนานที่สุด ตั้งแต่ ค..1920

·       เป็นครูของ บอคโซนีและเซเวรินี ในช่วงปี ค..1900



 

 

Duchamp, Nude descending staire case, number 2

Chiacomo Balla, Dynamism of a Dog on a Leash 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น